แมงลัก |
ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์ชื่อสามัญ Lemon basil, Hoary basil, Hairy basil
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum × africanum Lour. วงศ์ Lamiaceae ชื่อท้องถิ่น มังลัก (ภาคกลาง) กอมก้อขาว (ภาคเหนือ) ผักอีตู่ (เลย) ถิ่นกำเนิด เขตร้อนของทวีปเอเชีย ลักษณะทั่วไป แมงลักเป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพราและโหระพา ลักษณะของต้นจะคล้ายกับต้นกะเพรา ต่างกันที่กลิ่นและสีใบจะอ่อนกว่า มีลำต้นสูงประมาณ 30-80 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมทุกส่วน ใบเดี่ยว ใบเรียงตรงข้ามเป็นคู่ ๆ ดอกและช่อจะออกที่ปลายยอด อาจเป็นชื่อเดี่ยวหรือแตกออกเป็นช่อย่อย ๆ ดอกจะบานจากล่างไปบน กลีบดอกสีขาวแบ่งเป็น 2 ปากและร่วงง่าย เกสรตัวผู้จะยื่นยาวกว่ากลีบดอก ดอกย่อยออกโดยรอบก้านก่อเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีดอกย่อย 6 ดอก แบ่งเป็น 2 ส่วน ดอกตรงกลางจะบานก่อนและช่อดอกย่อยที่อยู่ชั้นล่างสุดของก้านช่อดอกจะบานก่อนเช่นกัน ผล 1 ดอกมีผล 4 ผล มีขนาดเล็ก เรียกว่าเม็ดแมงลัก ซึ่งมีลักษณะกลมรีและมีสีดำ การขยายพันธุ์ ใช้กิ่งชำหรือใช้เมล็ด ส่วนที่ใช้เป็นยา เมล็ดแมงลักและใบแมงลัก |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ประโยชน์
ใบแมงลัก ช่วยขับเหงื่อ ขับลมในลำไส้ แก้วิงเวียน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือจะนำใบแมงลักมาต้มกับน้ำ ดื่มเป็นประจำก็จะช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือ โรคทางเดินอาหารได้ด้วย และใบแมงลักยังให้สารเบต้าแคโรทีนและแคลเซียม ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
ส่วนเม็ดแมงลักก็มีสรรพคุณ คือ มักจะถูกนำไปทำเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก แถมยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย
ส่วนเม็ดแมงลักก็มีสรรพคุณ คือ มักจะถูกนำไปทำเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก แถมยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย
ประโยชน์แมงลัก
ใบ และยอดอ่อน
1. ใช้ประกอบอาหารจำพวกต้มแกงหรือห่อหมก ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอม และดับกลิ่นคาว
2. ใช้รับประทานเป็นผักสด ที่นิยม ได้แก่ รับประทานกับก๋วยเตี๋ยว ลาบ น้ำตก และซุปหน่อไม้ เป็นต้น
3. นำใบมาตากแห้ง 5-7 แดด แล้วค่อยนำมาชงเป็นชาดื่ม
4. ใบแมงลักนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง และน้ำหอม รวมถึงใช้ในด้านความงามต่างๆ
น้ำมันหอมระเหยจากแมงลักที่จำหน่ายในท้องตลาด แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
1. ชนิดที่มี methyl cinnamate เป็นองค์ประกอบหลัก
2. ชนิดที่มี d-camphor เป็นองค์ประกอบหลัก
3. ชนิดที่มี polyuronide เป็นองค์ประกอบหลัก
ใบ และยอดอ่อน
1. ใช้ประกอบอาหารจำพวกต้มแกงหรือห่อหมก ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอม และดับกลิ่นคาว
2. ใช้รับประทานเป็นผักสด ที่นิยม ได้แก่ รับประทานกับก๋วยเตี๋ยว ลาบ น้ำตก และซุปหน่อไม้ เป็นต้น
3. นำใบมาตากแห้ง 5-7 แดด แล้วค่อยนำมาชงเป็นชาดื่ม
4. ใบแมงลักนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง และน้ำหอม รวมถึงใช้ในด้านความงามต่างๆ
น้ำมันหอมระเหยจากแมงลักที่จำหน่ายในท้องตลาด แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
1. ชนิดที่มี methyl cinnamate เป็นองค์ประกอบหลัก
2. ชนิดที่มี d-camphor เป็นองค์ประกอบหลัก
3. ชนิดที่มี polyuronide เป็นองค์ประกอบหลัก