ห้องเรียนที่ 2 พืชที่ศึกษา เล็บมือนาง
ชื่อไทย เล็บมือนาง
ชื่ออื่น ๆ เล็บมือนาง ไท้หม่อง ไม้หม่อง จะมั่ง มะจีมัง
ชื่อสามัญ Rangoon Creeper, Drunken Sailor, Chinese Honey Suckle
ชื่อวิทยาศาสตร์ Quisqualis indica L.
วงศ์ COMBRETACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาะนิวกินี
การขยายพันธุ์ เมล็ด การตอนกิ่ง
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดกลาง เนื้อไม้แข็ง แตกกิ่งก้านมากมายทรงพุ่มทึบทอดเลื้อยไปได้ไกล กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลอมเทา กิ่งแก่มีหนาม มี 2 ชนิดคือ ชนิดกลีบดอกชั้นเดียว และกลีบดอกซ้อน
เปลือก สีน้ำตาลหรือสีเทาอมน้ำตาล ค่อนข้างเรียบหรือแตกสะเก็ดเป็นแผ่นเล็กๆ และหลุดล่อน
ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ๆ รูปรีหรือรูปแกมขอบขนาน ปลายเป็นติ่งแหลม โคนมนเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย เนื้อใบบาง หลังใบสีเขียวเข้มเป็นลอนตามเส้นแขนงใบ ใบอ่อนมีขนนุ่มสั้น ๆ กว้าง 5–10 เซนติเมตร ยาว 8–16 เซนติเมตร ก้านใบมีขน ยาว 1.0–1.3 เซนติเมตร
ดอก เดี่ยว ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่งและปลายกิ่งช่อละ 12–15 ดอก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกตูมสีขาว เมื่อเริ่มบานสีชมพู และเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมปลายแหลมกว้าง 0.3-0.4 เซนติเมตร ยาว 0.3-0.4 เซนติเมตร กลีบดอกชนิดดอกชั้นเดียวมี 5 กลีบ รูปขอบขนาน ปลายมนกว้าง 0.5-0.7 เซนติเมตร ยาว 1.5-2.0 เซนติเมตร ชนิดดอกซ้อนกลีบดอกมี 14-16 กลีบเรียงซ้อนกันหลายชั้น เกสรเพศผู้ 10 อัน อยู่ในหลอดกลีบเลี้ยง ดอกบานเต็มที่กว้าง 3.5-4.0 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี
ผล กลมหรือรี ขนาดเล็ก กว้าง 1.0-1.5 เซนติเมตร มีสันตามยาว 5 สัน มีเมล็ด 1 เมล็ด
ประโยชน์ เล็บมือนางเป็นไม้พื้นบ้านของไทย นิยมนำมาใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ เช่น ใบใช้ตำพอกแผลสด ฆ่าเชื้อ พอกฝี แก้ปวดศีรษะ แก้ท้องอืดเฟ้อ รากเป็นยาขับพยาธิ แก้อุจจาระเป็นฟองเหม็นคาว ผลแก้สะอึก เมล็ดเป็นยาถ่าย แก้ไข้ แช่น้ำมันแก้โรคผิวหนัง การศึกษาทางเภสัชศาสตร์ พบว่ามีสารออกฤทธิ์คือ Quisualic acid มีฤทธิ์ใบการขับพยาธิได้เป็นอย่างดี
ชื่ออื่น ๆ เล็บมือนาง ไท้หม่อง ไม้หม่อง จะมั่ง มะจีมัง
ชื่อสามัญ Rangoon Creeper, Drunken Sailor, Chinese Honey Suckle
ชื่อวิทยาศาสตร์ Quisqualis indica L.
วงศ์ COMBRETACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาะนิวกินี
การขยายพันธุ์ เมล็ด การตอนกิ่ง
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดกลาง เนื้อไม้แข็ง แตกกิ่งก้านมากมายทรงพุ่มทึบทอดเลื้อยไปได้ไกล กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลอมเทา กิ่งแก่มีหนาม มี 2 ชนิดคือ ชนิดกลีบดอกชั้นเดียว และกลีบดอกซ้อน
เปลือก สีน้ำตาลหรือสีเทาอมน้ำตาล ค่อนข้างเรียบหรือแตกสะเก็ดเป็นแผ่นเล็กๆ และหลุดล่อน
ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ๆ รูปรีหรือรูปแกมขอบขนาน ปลายเป็นติ่งแหลม โคนมนเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย เนื้อใบบาง หลังใบสีเขียวเข้มเป็นลอนตามเส้นแขนงใบ ใบอ่อนมีขนนุ่มสั้น ๆ กว้าง 5–10 เซนติเมตร ยาว 8–16 เซนติเมตร ก้านใบมีขน ยาว 1.0–1.3 เซนติเมตร
ดอก เดี่ยว ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่งและปลายกิ่งช่อละ 12–15 ดอก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกตูมสีขาว เมื่อเริ่มบานสีชมพู และเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมปลายแหลมกว้าง 0.3-0.4 เซนติเมตร ยาว 0.3-0.4 เซนติเมตร กลีบดอกชนิดดอกชั้นเดียวมี 5 กลีบ รูปขอบขนาน ปลายมนกว้าง 0.5-0.7 เซนติเมตร ยาว 1.5-2.0 เซนติเมตร ชนิดดอกซ้อนกลีบดอกมี 14-16 กลีบเรียงซ้อนกันหลายชั้น เกสรเพศผู้ 10 อัน อยู่ในหลอดกลีบเลี้ยง ดอกบานเต็มที่กว้าง 3.5-4.0 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี
ผล กลมหรือรี ขนาดเล็ก กว้าง 1.0-1.5 เซนติเมตร มีสันตามยาว 5 สัน มีเมล็ด 1 เมล็ด
ประโยชน์ เล็บมือนางเป็นไม้พื้นบ้านของไทย นิยมนำมาใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ เช่น ใบใช้ตำพอกแผลสด ฆ่าเชื้อ พอกฝี แก้ปวดศีรษะ แก้ท้องอืดเฟ้อ รากเป็นยาขับพยาธิ แก้อุจจาระเป็นฟองเหม็นคาว ผลแก้สะอึก เมล็ดเป็นยาถ่าย แก้ไข้ แช่น้ำมันแก้โรคผิวหนัง การศึกษาทางเภสัชศาสตร์ พบว่ามีสารออกฤทธิ์คือ Quisualic acid มีฤทธิ์ใบการขับพยาธิได้เป็นอย่างดี