ห้องเรียนที่ 6 พืชที่ศึกษา รสสุคนธ์ขาว
ชื่อไทย รสสุคนธ์ขาว
ชื่ออื่น ๆ สุคนธรส เสาวรส มะตาดเครือ ผ่านปด ปดคาย ปดเลื่อน ปดน้ำมัน
ชื่อสามัญ -
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tetracera loureiri (Fin & Gagnep.) Pierre ex Craib..
วงศ์ DILLENIACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามป่าละเมาะ ป่าไม้ผลัดใบ
และริมทะเล
การขยายพันธุ์ เมล็ด การตอนกิ่ง
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้เถาเลื้อยหรือรอเลื้อย สามารถเลื้อยพาดพันไปได้ไกล 8-10 เมตร หรือเป็นพุ่มกอสูง 30-50 เซนติเมตร พุ่มทึบ เนื้อไม้แข็งและเหนียว เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดหรือรำไร ทนต่อสภาพความแห้งแล้ง และน้ำท่วม อายุยืน ดูแลรักษาง่าย
เปลือก ต้นอ่อนหรืออายุน้อยเปลือกสีเขียวเข้ม สากระคายมือ ต้นอายุมากเปลือกสีน้ำตาลเข้ม แตกสะเก็ดเป็นแผ่นบางๆ เล็กๆ ทั่วไป
ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปรีหรือแกมขอบขนาน ปลายเรียวแหลม โคนสอบแคบ ขอบใบเป็นจักฟันเลื้อยตื้นๆ แผ่นใบสากระคายมือ เส้นใบและเส้นแขนงใบเป็นร่องลึก กว้าง 5-6 เซนติเมตร ยาว 8-12 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.0-1.5 เซนติเมตร
ดอก สีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุก ช่อละ 8-10 ดอก บริเวณซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกตูมมีรูปร่างกลมคล้ายผลสีเขียว เมื่อบานมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปโล่หรือรูปไข่กลับหนาสีเขียวอ่อน กว้าง 0.4-0.5 เซนติเมตร ยาว 0.5-0.6 เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ รูปโล่หรือรูปไข่กลีบสีขาวบอบบาง กว้าง 0.3-0.4 เซนติเมตร ยาว 0.3-0.5 เซนติเมตร เมื่อดอกบานกลีบดอกจะแผ่บานออกและบิดโค้งเว้า ร่วงง่าย มีเกสรเพศผู้ที่มีก้านชูเกสรเหมือนเส้นด้ายเล็กๆ สีขาวจำนวนมากมองดูเหมือนพู่อยู่กลางดอก ดอกจะทยอยบานทุกวัน บานเต็มที่กว้าง 2.0-2.5 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี
ผล รูปไข่เบี้ยวหรือกลม ปลายเป็นติ่งแหลม กว้าง 0.6-0.8 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.0 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่หรือสุกสีแดงหรือส้ม มีเมล็ดอยู่ภายใน 2-3 เม็ด
เมล็ด เมล็ดขนาดเล็กรูปไข่เบี้ยวสีน้ำตาล มีเยื่อหุ้มสีน้ำตาลเข้มหรือแดง
ประโยชน์ ปลูกประดับบ้าน อาจจะปลูกในกระถางหรือในดินให้เลื้อยพาดพันค้างหรือซุ้มที่เตรียมไว้ ให้ทรงพุ่มและรมเงาได้ดี เมื่อออกดอกจะส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่ายดูแลรักษาน้อย ทนทานไม่มีโรคและแมลงรบกวน อายุยืนนาน สรรพคุณทางยา ดอก เข้ายาหอม บำรุงหัวใจ แก้อาการวิงเวียน
ชื่ออื่น ๆ สุคนธรส เสาวรส มะตาดเครือ ผ่านปด ปดคาย ปดเลื่อน ปดน้ำมัน
ชื่อสามัญ -
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tetracera loureiri (Fin & Gagnep.) Pierre ex Craib..
วงศ์ DILLENIACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามป่าละเมาะ ป่าไม้ผลัดใบ
และริมทะเล
การขยายพันธุ์ เมล็ด การตอนกิ่ง
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้เถาเลื้อยหรือรอเลื้อย สามารถเลื้อยพาดพันไปได้ไกล 8-10 เมตร หรือเป็นพุ่มกอสูง 30-50 เซนติเมตร พุ่มทึบ เนื้อไม้แข็งและเหนียว เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดหรือรำไร ทนต่อสภาพความแห้งแล้ง และน้ำท่วม อายุยืน ดูแลรักษาง่าย
เปลือก ต้นอ่อนหรืออายุน้อยเปลือกสีเขียวเข้ม สากระคายมือ ต้นอายุมากเปลือกสีน้ำตาลเข้ม แตกสะเก็ดเป็นแผ่นบางๆ เล็กๆ ทั่วไป
ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปรีหรือแกมขอบขนาน ปลายเรียวแหลม โคนสอบแคบ ขอบใบเป็นจักฟันเลื้อยตื้นๆ แผ่นใบสากระคายมือ เส้นใบและเส้นแขนงใบเป็นร่องลึก กว้าง 5-6 เซนติเมตร ยาว 8-12 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.0-1.5 เซนติเมตร
ดอก สีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุก ช่อละ 8-10 ดอก บริเวณซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกตูมมีรูปร่างกลมคล้ายผลสีเขียว เมื่อบานมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปโล่หรือรูปไข่กลับหนาสีเขียวอ่อน กว้าง 0.4-0.5 เซนติเมตร ยาว 0.5-0.6 เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ รูปโล่หรือรูปไข่กลีบสีขาวบอบบาง กว้าง 0.3-0.4 เซนติเมตร ยาว 0.3-0.5 เซนติเมตร เมื่อดอกบานกลีบดอกจะแผ่บานออกและบิดโค้งเว้า ร่วงง่าย มีเกสรเพศผู้ที่มีก้านชูเกสรเหมือนเส้นด้ายเล็กๆ สีขาวจำนวนมากมองดูเหมือนพู่อยู่กลางดอก ดอกจะทยอยบานทุกวัน บานเต็มที่กว้าง 2.0-2.5 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี
ผล รูปไข่เบี้ยวหรือกลม ปลายเป็นติ่งแหลม กว้าง 0.6-0.8 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.0 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่หรือสุกสีแดงหรือส้ม มีเมล็ดอยู่ภายใน 2-3 เม็ด
เมล็ด เมล็ดขนาดเล็กรูปไข่เบี้ยวสีน้ำตาล มีเยื่อหุ้มสีน้ำตาลเข้มหรือแดง
ประโยชน์ ปลูกประดับบ้าน อาจจะปลูกในกระถางหรือในดินให้เลื้อยพาดพันค้างหรือซุ้มที่เตรียมไว้ ให้ทรงพุ่มและรมเงาได้ดี เมื่อออกดอกจะส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่ายดูแลรักษาน้อย ทนทานไม่มีโรคและแมลงรบกวน อายุยืนนาน สรรพคุณทางยา ดอก เข้ายาหอม บำรุงหัวใจ แก้อาการวิงเวียน