ห้องเรียนที่ 5 พืชที่ศึกษา "ไผ่สีสุก"
ตั้งไว้บริเวณถนนลานบุญ ในกระถาง จำนวน 2 ต้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Bambusa blumeana Schult.f. วงศ์ : GRAMINEAE – BAMBUSOIDEAE ชื่ออื่น : สีสุก ว่ามีบ่อ นิเวศวิทยา : เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะอินเดียตะวันออก หรือหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้ ในประเทศไทยมักขึ้นอยู่ตามที่ราบลุ่มริมห้วย ริมแม่น้ำ และมักปลูกรอบๆบ้านในชนบท ขยายพันธุ์ : ปักชำ ใช่ท่อนไม้ไผ่มาตัดท่อนเป็นท่อนๆ ให้ติดปล้อง 1ปล้อง(ข้อตา) นำมาปักไว้ในวัสดุปักชำ เอียงประมาณ 45องศา เรียงเป็นแถวเป็นแนวเดียวกันเพื่อสะดวกในการดูแลรักษา เติมน้ำลงในกระบอกไม้ไผ่ให้เต็มประมาณ 4สัปดาห์ หน่อจะแตกออกจากตาไผ่และรากจะงอกออกจากปุ่มใต้ตา หรือถ้าตัดทอนท่อนไม้ไผ่ให้ตัดข้อตา 2 ข้อ แล้วเจาะตรงกลางระหว่างข้อตา สำหรับเติมน้ำลงไปในปล้อง นำไปวางนอนในวัสดุชำแนวราบก็ได้เช่นกัน ลักษณะทั่วไป : ไม้ไผ่ประเภทมีหนาม ความยาวลำต้นสูง 10-18 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 8-12เซนติเมตร แข็ง ผิวเรียบเป็นมัน ข้อไม่พองออกมา กิ่งมาก แตกตั้งฉากกับลำต้น หนามโค้งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3อัน อันกลางยาวสุด ลำมีรูเล็ก เนื้อหนา ใบ จำนวน 5-6 ใบ ที่ปลายกิ่ง ปลายใบเรียวแหลม โดนใบเป็นรูปลิ่มกว้างๆ หรือตัดตรง แผ่นใบกว้าง0..8-2 เซนติเมตร ยาว10-20 เซนติเมตร ด้านล่างมีสีเขียวอมเหลือง เส้นใบมี 5-9 เส้น ก้านใบสั้น ขอบใบสาก ครีบใบเล็กมีขน ประโยชน์ - ปลูกไว้รอบบ้านเป็นรั้วกันขโมย กันลม -หน่อ เมื่ออยู่ใต้ดิน ทำอาหารได้ มีรสชาติดี เมื่อโผล่พ้นดินประมาณ 20-30 เซนติเมตร มักเอาไปทำหน่อไม้ดอง จะให้รสเปรี้ยว สีขาว และเก็บได้นานโดยไม่เปื่อยเหมือนหน่อไม้ชนิดอื่น -เนื้อไม้ หนา แข็งแรง ใช้สร้างบ้านในชนบทได้ทนทาน ทำเครื่องจักรสาน เครื่องใช้ในการประมง ใช้ใรการทำนั่งร้านก่อสร้าง -โคน นิยมใช้ทำคานหาบหามและใช้ทำกระดาษให้เยื่อสูง ประโยชน์ทางยา ส่วนที่ใช้เป็นยา ตา ราก หน่อไม้ตาเต่า (เป็นหน่อไม้ที่เกิดจากตาไม้ไผ่)รสและสรรพคุณในตำรายาไทย 1. ใบ รสขื่น เฝื่อน ขับและฟอกล้างโลหิตระดูที่เสีย ขับระดูขาว แก้มดลูกอักเสบ ขับปัสสาวะ 2. ตา รสเฝื่อนเข้ายาที่ใช้แก้ฝีหนองภายในต่างๆ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ 3. ราก รสกร่อยเอียนเล็กน้อย ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ขับนิ่ว ใช้เข้ายาขับระดูแก้หนองใน และฝีหนองที่เกิดในร่างกาย 4. หน่อไม้ตาเต่า รสขื่นขม ติดจะร้อน แก้ตับหย่อน ตับทรุด ม้ามย้อย แก้กระษัย เลือดเป็นก้อน ขนาดและวิธีใช้ 1. แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ใช้ตาไม้นำมาสุมไฟให้เป็นถ่านรับประทาน 2. ขับปัสสาวะ ใช้ยอดอ่อนซึ่งมีใบม้วนอยู่ 3 ยอด หรือใช้รากต้มน้ำดื่ม ประโยชน์ทางอาหาร ส่วนที่ใช้เป็นอาหาร ลูกไผ่ หน่อ การปรุงอาหาร ยามกันดารชาวชนบทเก็บกวาดลูกไผ่ (ลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสาร) เอามาหุงรับประทานแทนข้าว และยังใช้หน่อมาต้มกับใบย่านางเพื่อลดความขื่นขม แล้วจึงนำไปประกอบอาหารตามใจชอบ อาจจะต้ม แกง ผัด หรือใช้เป็นผักจิ้มก็ย่อมได้ คุณค่าทางโภชนาการ หน่อไม้มีโปรตีนไม่มากนักคือประมาณ 2.4 กรัมต่อ 100 กรัม มีคาร์โบไฮเดรต 4.4 กรัม แต่มีแคลเซียมสูงถึง 58 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 48 มิลลิกรัม และวิตามินซี 13 มิลลิกรัม ประโยชน์อื่น ลำต้นใช้ในการจักสาน ทำกระบอกใส่น้ำ รองน้ำตาลสด ทำตอหม้อ เผาข้าวหลาม ที่มาเนื้อหา : หนังสือ"ต้นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด" ๗๒ พรรษา พฤกษามหาราชินี
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ |
คติความเชื่อ "ไม้สีสุก" คนโบราณนิยมปลูกไผ่สีสุกไว้ทางทิศตะวันออก (บูรพา) ถือกันเป็นเคล็ดจากชื่อที่เรียกขานเอาว่าเป็นสิริมงคลแก่ตนผู้เป็นเจ้าของและครอบครัวคือ “สีสุก” เป็นมงคลนามเพื่อให้เกิดความสุข ความเจริญ อยู่เย็นเป็นสุข สุขภายสบายใจในทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเอง
แต่ในบางท้องถิ่นเชื่อว่าการปลูกไผ่จะต้องให้คนแก่หรือผู้สูงอายุถึงจะดี คนหนุ่มสาวห้ามปลูกเพราะถือว่าลำต้นไผ่ใช้เป็นคานสำหรับหามโลงใส่ผีไปเผาหรือฝังลงป่าช้า เขาถือว่าหากคนอ่อนอายุปลูกอายุจะสั้นด้วยพอไม้ไผ่โตได้ขนาดจะเป็นเหตุให้คนปลูกตาย และไม้ไผ่นั้นจะถูกตัดมาเป็นไม้หามโลงของคนปลูกพอดี ส่วนคนแก่ปลูก พอไผ่โตได้ขนาดก็อาจจะหมดอายุเองเสียก่อนจึงไม่ให้โทษ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันอีกว่า เมื่อไผ่ออกดอกจะเป็นลางร้ายเพราะธรรมชาติของไผ่ไม่ค่อยมีใครเห็นดอกของมันเมื่อมีดอก เมื่อดอกแห้งแล้วต้นจะตายเรียกว่า “ไผ่ตายขุย” จึงถือว่าไผ่ออกดอกที่บ้านใครมักจะเกิดผลร้ายกับครอบครัวนั้น ต้องทำบุญบ้านเพื่อถอนโชคร้ายเสีย ปัจจุบันในชนบทยังถือกันอยู่ <อ่านต่อ> ภาพ ไผ่สีสุกการใช้ประโยชน์ |