ห้องเรียนที่ 3 พืชศึกษา "แตงกวา"
ชื่อสามัญ : Cucumber
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cucumis Sativus Linn.
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อพื้นเมือง :
นิเวศวิทยา : เป็นพืชพื้นถิ่นของอินเดีย แตงกวาสามารถขึ้นได้ดีในดอนแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนปนทราย มีความชื้นพอเหมาะ มีการระบายน้ำได้ดี เพราะถ้าน้ำขังแฉะจะทำให้เกิดโรคทางใบได้ง่าย
การออกดอก : ดอกอ่อนออกในฤดูฝน ผลฟักทองออกในฤดูหนาวช่าวงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์
การขยายพันธุ์ : โดยเมล็ด
ลักษณะทั่วไป :
ลำต้น : แตงกวาเป็นพืชเถาเลื้อยที่มีมือเกาะ ช่วยพยุงลำต้น ลำต้นเป็นเหลี่ยมมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วลำต้นยาวประมาณ 2-3 เมตร มีรากแก้วแตกแขนงเป็นจำนวนมาก ราก
สามารถแผ่กว้างและหยั่งลึกได้มากถึง 1 เมตร
ใบ : ใบเป็นใบเดี่ยว มีมุมแหลม 3-5 แฉก ใบมีก้านใบยาว 5 – 15 เซนติเมตร ใบใหญ่มี เส้นใบ 5 – 7 เส้น
ดอก : เป็นดอกแยกเพศแต่อยู่ในต้นเดียวกัน ดอกตัวเมียจะเกิดเดี่ยวๆ มีสีเหลือง สังเกตได้ง่าย คือมี ลักษณะคล้ายแตงกวาผลเล็ก ๆ ติดกับกลีบดอก ดอกตัวผู้จะเกิดเป็น
กลุ่ม 3-5 ดอกมีเฉพาะก้านดอกเท่านั้น
ผล : ผลแตงกวามีลักษณะเรียวยาวทรงกระบอก มีใส้ภายในผล ความยาวระหว่างผล 5- 40 เซนติเมตร ผลในขณะยังเล็กจะสังเกตเห็นหนามได้อย่างชัดเจน หนามของ
แตงกวาจะมีสีขาวและสีดำ แตงกวาหนามสีดำจะเก็บได้เพียง 3-4 วัน หลังเก็บจากต้น ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นิ่ม ไม่กรอบ ส่วนแตงกวา ที่มีหนามสีขาวจะมีคุณสมบัติ
พิเศษ เก็บไว้ได้นานประมาณ 7 วัน โดยไม่นิ่ม และไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเร็ว
ประโยชน์ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cucumis Sativus Linn.
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อพื้นเมือง :
- ภาคกลาง เรียกว่า ตำลึง,สี่บาท
- ภาคเหนือ เรียกว่า ผักแคบ
- กระเหรี่ยงและแม่ฮ่องสอน เรียกว่า แคเด๊าะ
- อีสานเรียกว่า ผักตำนิน
นิเวศวิทยา : เป็นพืชพื้นถิ่นของอินเดีย แตงกวาสามารถขึ้นได้ดีในดอนแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนปนทราย มีความชื้นพอเหมาะ มีการระบายน้ำได้ดี เพราะถ้าน้ำขังแฉะจะทำให้เกิดโรคทางใบได้ง่าย
การออกดอก : ดอกอ่อนออกในฤดูฝน ผลฟักทองออกในฤดูหนาวช่าวงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์
การขยายพันธุ์ : โดยเมล็ด
ลักษณะทั่วไป :
ลำต้น : แตงกวาเป็นพืชเถาเลื้อยที่มีมือเกาะ ช่วยพยุงลำต้น ลำต้นเป็นเหลี่ยมมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วลำต้นยาวประมาณ 2-3 เมตร มีรากแก้วแตกแขนงเป็นจำนวนมาก ราก
สามารถแผ่กว้างและหยั่งลึกได้มากถึง 1 เมตร
ใบ : ใบเป็นใบเดี่ยว มีมุมแหลม 3-5 แฉก ใบมีก้านใบยาว 5 – 15 เซนติเมตร ใบใหญ่มี เส้นใบ 5 – 7 เส้น
ดอก : เป็นดอกแยกเพศแต่อยู่ในต้นเดียวกัน ดอกตัวเมียจะเกิดเดี่ยวๆ มีสีเหลือง สังเกตได้ง่าย คือมี ลักษณะคล้ายแตงกวาผลเล็ก ๆ ติดกับกลีบดอก ดอกตัวผู้จะเกิดเป็น
กลุ่ม 3-5 ดอกมีเฉพาะก้านดอกเท่านั้น
ผล : ผลแตงกวามีลักษณะเรียวยาวทรงกระบอก มีใส้ภายในผล ความยาวระหว่างผล 5- 40 เซนติเมตร ผลในขณะยังเล็กจะสังเกตเห็นหนามได้อย่างชัดเจน หนามของ
แตงกวาจะมีสีขาวและสีดำ แตงกวาหนามสีดำจะเก็บได้เพียง 3-4 วัน หลังเก็บจากต้น ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นิ่ม ไม่กรอบ ส่วนแตงกวา ที่มีหนามสีขาวจะมีคุณสมบัติ
พิเศษ เก็บไว้ได้นานประมาณ 7 วัน โดยไม่นิ่ม และไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเร็ว
ประโยชน์ :
- ผลนำไปประกอบอาหารได้ เช่น แกงจืด, แตงกวาดอง หรือ รับประทานเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริก อาหารรสจัดนิยมใช้ตกแต่งอาหารจานเดียว
- สรรพคุณทางยาของแตงกวา
ใบและเนื้อในเมล็ดจากเมล็ดแก่ - นำมากินเป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องเสีย และ บิด
ผลและเมล็ดอ่อน - มีสรรพคุณฝาดสมาน แก้กระหายน้ำ (ผลมีน้ำเป็นองค์ประกอบ 96.4%) มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ ทำให้ผิวขาวใสและนุ่มนวล ช่วยบำรุงผมและเล็บ ลดการเกิดสิวและยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ลบรอยแผลเป็น ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
เถา - ช่วยลดความดันเลือด - คุณค่าทางอาหาร
+ สารกลูซิด กรดอะมิโน และเกลือแร่ต่างๆ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง
+ สารซิสตินและสารเมธิโอนิน ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง
+ ธาตุซิลิก้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เส้นเอ็น และกระดูก
+ ธาตุโพแทสเซียมและแมงกานีส ในเปลือกแตงกวาช่วยควบคุมความดันเลือด ระบบไหลเวียนเลือด ความสมดุลของสารอาหารในร่างกาย เสริมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ
+ วิตามิน บี วิตามินซี
+ มีฟอสฟอรัสสูง เสริมสร้างกระดูกและฟัน
+ เส้นใยอาหารควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และช่วยระบบขับถ่าย