ห้องเรียนที่ 4 พืชศึกษา "บวบ"
ชื่อสามัญ : Angled Gourd หรือ Angled Loofah
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa acutangula Roxb.
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อพื้นเมือง :
นิเวศวิทยา : ทนแล้ง ทนฝน โรคและแมลงไม่รบกวน สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด และดินค่อนข้างเป็นกรดเล็กน้อย ในดินมีความชื้นสูงพอเหมาะสม่ำเสมอ ควรได้รับ แสงแดดเต็มที่ในระหว่างการปลูก อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล
การออกดอก : ตลอดปี
การขยายพันธุ์ : โดยเมล็ด
ลักษณะทั่วไป : บวบเป็นไม้เถายาว โตเร็ว มีอายุประมาณ 1 ปี
ลำต้น : บวบมีลำต้นเป็นเหลี่ยมสัน ตามข้อมีมือที่ใช้เกาะเกี่ยวเป็นเส้นยาว
ใบ : ใบเป็นแบบใบเดี่ยวเรียงสลับกัน แผ่นใบเป็นรูปเหลี่ยมมีราว 5-7 เหลี่ยม ตามขอบใบมีรอยเว้าตื้นๆ ปลายใบค่อนข้างแหลม ส่วนโคนใบเว้าลึกเข้าด้านในจนดูคล้ายกับรูป
หัวใจ ก้านใบยาวราว 4-9 ซม. และเป็นเหลี่ยมเหมือนกับลำต้น
ดอก : มีสีเหลือง จำนวน 5 กลีบ ออกดอกตามง่ามใบ บานในเวลาเย็น โดยบานตั้งแต่เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป เป็นดอกแยกเพศแต่อยู่ในต้นเดียวกัน
ผล : สำหรับผลเป็นรูปทรงคล้ายกระบอกกลม ยาวราวๆ 20 ซม. ผิวมีเหลี่ยมเป็นเส้นไปตามความยาวของผล นับได้ 10 เหลี่ยมเท่ากันทุกลูก โคนผลเรียวเล็กแล้วค่อยๆ กว้าง
ออก ก่อนที่จะค่อยๆ แคบลงไปอีกครั้งจนไปบรรจบกันที่ปลายผล ให้ผลดกและงามในหน้าฝน
ประโยชน์ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa acutangula Roxb.
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อพื้นเมือง :
- ภาคกลาง เรียกว่า บวบเหลี่ยม
- ภาคเหนือ เรียกว่า หมักนอย, มะนอยเหลี่ยม
- อื่นๆ เรียกว่า มะนอยเลียม,มะนอย,มะนอยข้อง,มะนอยงู
นิเวศวิทยา : ทนแล้ง ทนฝน โรคและแมลงไม่รบกวน สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด และดินค่อนข้างเป็นกรดเล็กน้อย ในดินมีความชื้นสูงพอเหมาะสม่ำเสมอ ควรได้รับ แสงแดดเต็มที่ในระหว่างการปลูก อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล
การออกดอก : ตลอดปี
การขยายพันธุ์ : โดยเมล็ด
ลักษณะทั่วไป : บวบเป็นไม้เถายาว โตเร็ว มีอายุประมาณ 1 ปี
ลำต้น : บวบมีลำต้นเป็นเหลี่ยมสัน ตามข้อมีมือที่ใช้เกาะเกี่ยวเป็นเส้นยาว
ใบ : ใบเป็นแบบใบเดี่ยวเรียงสลับกัน แผ่นใบเป็นรูปเหลี่ยมมีราว 5-7 เหลี่ยม ตามขอบใบมีรอยเว้าตื้นๆ ปลายใบค่อนข้างแหลม ส่วนโคนใบเว้าลึกเข้าด้านในจนดูคล้ายกับรูป
หัวใจ ก้านใบยาวราว 4-9 ซม. และเป็นเหลี่ยมเหมือนกับลำต้น
ดอก : มีสีเหลือง จำนวน 5 กลีบ ออกดอกตามง่ามใบ บานในเวลาเย็น โดยบานตั้งแต่เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป เป็นดอกแยกเพศแต่อยู่ในต้นเดียวกัน
ผล : สำหรับผลเป็นรูปทรงคล้ายกระบอกกลม ยาวราวๆ 20 ซม. ผิวมีเหลี่ยมเป็นเส้นไปตามความยาวของผล นับได้ 10 เหลี่ยมเท่ากันทุกลูก โคนผลเรียวเล็กแล้วค่อยๆ กว้าง
ออก ก่อนที่จะค่อยๆ แคบลงไปอีกครั้งจนไปบรรจบกันที่ปลายผล ให้ผลดกและงามในหน้าฝน
ประโยชน์ :
- ผลนำไปประกอบอาหารได้ เช่น บวบผัดไข่ แกงเลียง เครื่องเคียงน้ำพริก
- เป็นผักที่มีน้ำเยอะ คนโบราณถือว่าบวบเป็นผักธาตุเย็น ช่วยคลายความร้อนได้ดี
- สรรพคุณทางยาของบวบเหลี่ยม
ใบ - ต้มน้ำกินหรือใช้ภายนอกตำแล้วพอก หรอบดให้เป็นผงผสมเมนทอล ทาแก้ผดผื่นคัน รักษากลาก บาดแผลเรื้อรัง ใช้ขับเสมหะ รักษาริดสีดวง แก้แมลงสัตว์กัดต่อย
ดอก - ใช้แห้งต้มกินกับน้ำ รักษาภายนอกโดยารตำพอกดอกจะมีรสชุ่มและขมเล็กน้อยใช้รักษาอาการไอเจ็บคอ หอบ ใช้ผสมน้ำผึ้งแล้วต้มจิบ เป็นฝีหนองบวมแดงและหนองริดสีดวงทวาร ให้ใช้ดอกสดร่วมกับฮั่วเถาสด นำไปตำแล้วพอก ขับปัสสาวะและดับร้อนได้
ผล - นำไปต้มกินหรือเผาให้เป็นเถ้าแล้วบดเป็นผง ใช้ภายนอกโดยตำคั้นแต่น้ำ รักษาโรคบิดถ่ายเป็นเลือด นำไปผสมเหล้ากินแก้โรคคางทูม ใช้ผลไปเผาบดผสมน้ำใช้ทาบริเวณที่ปวด และมีรสหวานเย็น บำรุงร่างกาย ลดไข้ แก้ร้อนใน ระบายท้องขับปัสสาวะ ขับเสมหะทำให้ชุ่มคอ
ใยผล - รังบวบแห้งต้มหรือเผาบดกิน ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวารโดยใช้ใยผลนำไปเผา เป็นเถ้าผสมกับปูนขาวที่เก็บไว้นานและหย่งอึ้ง บดเป็นผงนำไปผสมกับดีหมู ใส่กับไข่ขาวผสมกับน้ำมันหอม ทาบริเวณที่เป็น
เปลือกผล - ใช้ภายนอกโดยนำไปผิงไฟให้แห้งและบดให้เป็นผงผสมทารักษาอาการแผลเป็นหนอง รักษาฝี ฝีไม่มีหัวและแผลจากการกดทับนาน
ขั้วผล - นำไปเผาให้เป็นเถ้า แล้วบดให้เป็นผงเป่าคอ เป็นยารักษาอาการเจ็บคอ และรักษาเด็กที่ออกหัด ช่วยให้หัดออกเร็วขึ้น
เนื้อในเมล็ด - รสมัน ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน ขัยนิ่ว รับประทานมากทำให้อาเจียน รับประทานขณะท้องว่างครั้งละ 30-50 เม็ด ติดต่อกัน 2 วัน ขับพยาธิตัวกลม เมื่อรับประทานปริมาณน้อยแก้บิด ขับเสมหะ
น้ำมันจากเมล็ด - รสมัน ทาแก้โรคผิวหนัง
ราก - รสจืดเย็น ต้มดื่มแก้บวมน้ำ ระบายท้อง - คุณค่าทางอาหาร
+ มีฟอสฟอรัสสูง เสริมสร้างกระดูกและฟัน
+ เส้นใยอาหารควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และช่วยระบบขับถ่าย